บทที่ 3 กระดาษทำการ
กระดาษทำการ
กระดาษทำการ (working paper or work sheet) หมายถึง กระดาษร่างที่นำมาใช้ในการ
จำแนกตัวเลขจำนวนเงินของบัญชีต่าง ๆ ในงบทอลอง เพื่อจัดว่าตัวเลขใดจะนำไปใช้ในการจัด
ทำงบกำไรขาดทุน เพื่อคำนวณหาผลกำไรขาดทุนของกิจการ และตัวเลขใดที่จะนำไปแสดงใน
งบดุลเพื่อให้เห็นฐานะการเงินของกิจการกระดาษทำการไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดทำ
บัญชี แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้การจัดทำงบการเงินถูกต้องและรวดเร็วขึ้นเท่านั้น ดังนั้น
ผู้จัดทำบัญชีอาจจะจัดทำกระดาษทำการหรือไม่ก็ได ้
กระดาษทำการ (working paper or work sheet) หมายถึง กระดาษร่างที่นำมาใช้ในการ
จำแนกตัวเลขจำนวนเงินของบัญชีต่าง ๆ ในงบทอลอง เพื่อจัดว่าตัวเลขใดจะนำไปใช้ในการจัด
ทำงบกำไรขาดทุน เพื่อคำนวณหาผลกำไรขาดทุนของกิจการ และตัวเลขใดที่จะนำไปแสดงใน
งบดุลเพื่อให้เห็นฐานะการเงินของกิจการกระดาษทำการไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการจัดทำ
บัญชี แต่เป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้การจัดทำงบการเงินถูกต้องและรวดเร็วขึ้นเท่านั้น ดังนั้น
ผู้จัดทำบัญชีอาจจะจัดทำกระดาษทำการหรือไม่ก็ได ้
รูปแบบของกรดาษทำการ
กระดาษทำการมีหลายชนิด เช่น กระดาษทำการ 6 ช่อง กระดาษทำการ 8 ช่อง กระดาษทำ
การ 10 ช่อง และกระดาษทำการ 12 ช่อง จะเลือกใช้แบบใดขึ้นอยู๋กับความต้องการและความจำ
เป็นที่ต้องใช้ ตามจำนวนและลักษณะความยุ่งยากของรายการบัญชีที่กิดขึ้นในแต่ละกิจการ
สำหรับรูปแบบที่นิยมใช้กัน ได้แก่ กระดาษคำตอบ 8 ช่อง และกระดาษคำตอบ แบบ 10 ช่อง
เนื่องจากสามารถช่วยการจัดทำงบการเงินกรณีที่กิจการมีรายการปรับปรุงบัญชี ณ วันสิ้นงวดด้วย
กระดาษทำการมีหลายชนิด เช่น กระดาษทำการ 6 ช่อง กระดาษทำการ 8 ช่อง กระดาษทำ
การ 10 ช่อง และกระดาษทำการ 12 ช่อง จะเลือกใช้แบบใดขึ้นอยู๋กับความต้องการและความจำ
เป็นที่ต้องใช้ ตามจำนวนและลักษณะความยุ่งยากของรายการบัญชีที่กิดขึ้นในแต่ละกิจการ
สำหรับรูปแบบที่นิยมใช้กัน ได้แก่ กระดาษคำตอบ 8 ช่อง และกระดาษคำตอบ แบบ 10 ช่อง
เนื่องจากสามารถช่วยการจัดทำงบการเงินกรณีที่กิจการมีรายการปรับปรุงบัญชี ณ วันสิ้นงวดด้วย
หลักในการจัดทำกระดาษทำการ
1. จัดเตรียมแบบฟอร์มของการะดาษทำการ โดยเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับการจัดทำบัญชี
ของกิจการ
2. เขียนส่วนหัวของกระดาษทำการ ได้แก่ ชื่อกิจการ กระดาทำการและรอบระยะเวลาบัญชีที่จัดทำ
ว่ากระดาษทำการนั้นเป็นการจัดทำขึ้นเพื่อช่วยในการจัดทำงบการเงิน สำหรับระยะเวลาบัญชีใด
สิ้นสุดวันที่เท่าใด เช่น
บริษัท ทรัพย์ไพศาล จำกัด
กระดาษทำการ
สำหรับรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551
3. นำยอดคงเหลือของบัญชีต่าง ๆจากงบทดลอง ทีได้จัดทำเรียบร้อยแล้วมาใส่ในช่อง
“งบทดลอง” ของกระดาษทำการ เมื่อทดลองลงตัวก็จัดทำรายการอื่น ๆในกระดาทำการ
ต่อไป
4. ปรับปรุงรายการ (ถ้ามี) ในช่องรายการปรับปรุงและจัดทำ งบทอลองหลังการปรับปรุง
5. จำแนกตัวเลขจำนวนเงินในช่อง ”งบทดลองหลังการปรับปรุง” ไปใส่ในช่อง
งบกำไรขาดทุน และงบดุล ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
*ยกเว้น บัญชีปรับมูลค่าสินทรัพย์ เช่น ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ค่าเสื่อมราคาสะสม
จะใส่ช่องงบดุลด้านเครดิต
6.รวมยอดจำนวนเงินในช่อง “งบกำไรขาดทุน” ด้านเดบิตและเครดิตและช่อง “งบดุล”
ทั้งด้านเดบิตและเครดิต
7.หาผลต่างระหว่างด้านเดบิตและเครดิตในช่อง “งบกำไรขาดทุน”
7.1ถ้ายอดรวมด้านเครดิต >ด้านเดบิต หมายถึง การมีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายผลต่างคือ
กำไรสุทธิ (Net Profit) ให้เขียนผลต่างนี้ในห้อง “งบกำไรขาดทุน” ด้านเดบิต และช่อง “งบดุล”
ด้านเครดิต
7.2ถ้ายอดรวมด้านเดบิต>ด้านเครดิต หมายถึง การมีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ผลต่าง คือ
ขาดทุนสิทธิ (Net loss) ให้เขียนจำนวนผลต่างนี้ในช่อง “งบกำไรขาดทุน” ด้านเครดิตและช่อง
”งบดุล” ด้านเดบิต
8.รวมยอดจำนวนเงินทั้งทางด้านเดบิตและเครดิตในช่อง “งบกำไรขาดทุน” และช่อง “งบดุล”
ซึ่งทั้ง 2 ข้างต้องเท่ากัน
ของกิจการ
2. เขียนส่วนหัวของกระดาษทำการ ได้แก่ ชื่อกิจการ กระดาทำการและรอบระยะเวลาบัญชีที่จัดทำ
ว่ากระดาษทำการนั้นเป็นการจัดทำขึ้นเพื่อช่วยในการจัดทำงบการเงิน สำหรับระยะเวลาบัญชีใด
สิ้นสุดวันที่เท่าใด เช่น
บริษัท ทรัพย์ไพศาล จำกัด
กระดาษทำการ
สำหรับรอบระยะเวลา 1 ปี สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551
3. นำยอดคงเหลือของบัญชีต่าง ๆจากงบทดลอง ทีได้จัดทำเรียบร้อยแล้วมาใส่ในช่อง
“งบทดลอง” ของกระดาษทำการ เมื่อทดลองลงตัวก็จัดทำรายการอื่น ๆในกระดาทำการ
ต่อไป
4. ปรับปรุงรายการ (ถ้ามี) ในช่องรายการปรับปรุงและจัดทำ งบทอลองหลังการปรับปรุง
5. จำแนกตัวเลขจำนวนเงินในช่อง ”งบทดลองหลังการปรับปรุง” ไปใส่ในช่อง
งบกำไรขาดทุน และงบดุล ตามหลักเกณฑ์ดังต่อไปนี้
*ยกเว้น บัญชีปรับมูลค่าสินทรัพย์ เช่น ค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ ค่าเสื่อมราคาสะสม
จะใส่ช่องงบดุลด้านเครดิต
6.รวมยอดจำนวนเงินในช่อง “งบกำไรขาดทุน” ด้านเดบิตและเครดิตและช่อง “งบดุล”
ทั้งด้านเดบิตและเครดิต
7.หาผลต่างระหว่างด้านเดบิตและเครดิตในช่อง “งบกำไรขาดทุน”
7.1ถ้ายอดรวมด้านเครดิต >ด้านเดบิต หมายถึง การมีรายได้มากกว่าค่าใช้จ่ายผลต่างคือ
กำไรสุทธิ (Net Profit) ให้เขียนผลต่างนี้ในห้อง “งบกำไรขาดทุน” ด้านเดบิต และช่อง “งบดุล”
ด้านเครดิต
7.2ถ้ายอดรวมด้านเดบิต>ด้านเครดิต หมายถึง การมีค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ผลต่าง คือ
ขาดทุนสิทธิ (Net loss) ให้เขียนจำนวนผลต่างนี้ในช่อง “งบกำไรขาดทุน” ด้านเครดิตและช่อง
”งบดุล” ด้านเดบิต
8.รวมยอดจำนวนเงินทั้งทางด้านเดบิตและเครดิตในช่อง “งบกำไรขาดทุน” และช่อง “งบดุล”
ซึ่งทั้ง 2 ข้างต้องเท่ากัน
ตัวอย่างกระดาษทำการ 6 ช่อง